HyperX PulseFire FPS Pro เกมมิ่งเมาส์ RGB ปรับแต่งโพรไฟล์ มาโครได้ คอเกมต้องโดน

HyperX PulseFire FPS Pro  เมาส์ตัวเก่งอีกรุ่นหนึ่งจากค่ายยักษ์ใหญ่ ที่มีไลน์เกมมิ่งเกียร์จำนวนมหาศาล งานนี้เอาเมาส์รุ่นใหม่ จับใส่ไฟ RGB เข้าไป เชื่อมโยงเข้ากับซอฟต์แวร์ NGunity ให้ปรับแต่งได้ตามต้องการ พร้อมกับความละเอียดสูงสุดถึง 16,000 DPI เลือกโปรแกรมมาโครเองก็ได้ กับไซส์ถนัดมือ เลื่อนได้ลื่นๆ เลยทีเดียว เซ็นเซอร์จาก Pixart PMW3389 ที่ให้ความแม่นยำที่มั่นใจได้ ในช่วงที่เล็งและลั่นไกใส่หัวฝ่ายตรงข้าม และ HyperX ยังเลือกใช้สวิทช์ที่เน้นความทนทาน Omron มาใส่ไว้ในเมาส์รุ่นนี้ เพื่อเอาใจคนมือหนัก จากแรงกระแทกทั้งความสนุกในเกมและความสะใจอีกด้วย น้ำหนักค่อนข้างเบา แต่จับได้ถนัดมือเลยทีเดียว

หน้ากล่องของ HyperX Pulsefire FPS Pro รุ่นนี้ ยังคงเป็นแบบที่เจอกันตามชั้นวางเกมมิ่งเกียร์ในตลาด สะดุดตากว่าแนวสีดำแดงแบบเดิมๆ โดยมีชื่อรุ่น พร้อมโลโก้และภาพของตัวเมาส์อย่างชัดเจน เท่แบบนี้เกมเมอร์ชอบ

พอได้ลองแกะของดูภายในกล่อง ใครหวังว่าจะมีเมาส์ให้ 2 ตัวก็อย่าได้คิด 555 เพราะมีของมาตามมาตรฐาน แผ่นคู่มือ ใบแนะนำสินค้าและเอกสารแสดงความยินดีกับคุณเท่านั้น

มาดูที่ตัวเมาส์กันดีกว่า เมื่อเปิดกล่องออกมา จะเห็นตัวเมาส์ในทรงแบบสมมาตรหรือสองข้างเท่ากัน ซึ่งก็น่าจะใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวาหรือไม่

แต่พอหันมาอีกด้านแล้ว ก็มีปุ่มมาโครด้านข้างมาให้ด้วยจ้า เพราะฉะนั้นโดยหลัก ก็เป็นเมาส์สำหรับผู้ใช้มือขวา แต่ถ้าคุณใช้มือซ้าย แต่สามารถคลิกได้ด้วยนิ้วอีกด้านหนึ่ง ก็ถือว่าใช้ได้เช่นเดียวกัน

 

Specification

• Ergonomic: Ergonomic
• Sensor: Pixart PMW3389
• Resolution: Up to 16,000 DPI
• DPI presets: 800 / 1600 / 3200 DPI
• Speed: 450ips
• Acceleration: 50g
• Buttons: 6
• Left / Right buttons switches: Omron
• Left / Right button durability: 20 million clicks
• Backlight: RGB (16,777,216 colors)
• Light effects: 1 RGB lighting zone and 4 brightness levels1
• On board memory: 3 profiles
• Connection type: USB 2.0
• Polling rate: 1000Hz
• Cable type: Braided
• Weight (without cable): 95g
• Weight (with cable): 130g
• Dimensions:
• Length: 127.60mm
• Height: 41.90mm
• Width: 71.10mm
• Cable length: 1.8m

มาดูที่หัวต่อของเมาส์ HyperX Pulsefire FPS Pro รุ่นนี้ เค้ามาพร้อมพอร์ต USB 2.0 ในแบบเดิมๆ ไม่ได้มีเคลือบสีทองให้ดูหรูหรา แต่มาพร้อมสายถักแบบอ่อนยาวประมาณ 1.8 เมตร

มาดูที่ตัวเมาส์กันแบบชัดๆ HyperX ยังคงยึดเอารูปทรงที่คล้ายคลึงกับในพี่ๆ น้องๆ ตระกูล Pulsefire ไว้อย่างเหนียมแน่น กับมิติที่ค่อนข้างสูง และค่อนข้างใหญ่ ให้การวางมือได้แบบเต็มอุ้งมือเอาใจคนที่ชอบแบบเต็มไม้เต็มมือ

บอดี้มาในโทนสีเทาเข้ม กึ่งสีดำเกือบทั้งตัว พร้อมกริ้ปจับด้านข้างเป็นวัสดุแบบยางใส่พิ้นผิวมาให้จับถนัดมือมากขึ้น ปุ่มมาโครด้านข้าง 2 ปุ่ม สีดำวางตำแหน่งได้ดีทีเดียว สามารถโปรแกรมตั้งค่าได้ตามความเหมาะสม

ด้านท้ายดูเรียบง่าย กับโลโก้ HyperX ที่มีแสงไฟ RGB ลอดออกมาได้ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 จุดที่มีแสงไฟสว่างออกมา

ด้านข้างขวา ยังคงเป็นกริ้ปสำหรับการจับที่ลงตัวทั้งนิ้วนางและนิ้วก้อย เอาใจคนนิ้วสั้น เพราะดูยกสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว

ส่วนด้านหน้า ตามที่ได้เกริ่นไว้คือ จะคล้ายกับในไลน์ของ Pulsefire เกือบทุกรุ่น เพียงแต่มีการเล่นลวดลาย และทำคล้ายๆ ช่องดักลมของรถสปอร์ต เพียงแต่ไม่ได้มีเป็นร่องตะแกรงมาให้เท่านั้น ส่วนปุ่มคลิกซ้าย-ขวา มีระยะค่อนข้างสั้น ให้ตอบสนองได้ไวขึ้น HyperX เลือกใช้ปุ่ม Omron เพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่นและความทนทาน เสียงกดกริ๊กๆ สะใจดีทีเดียว

ด้านใต้ของเมาส์ จะเป็นพื้นที่ของ mouse-skate ขนาดใหญ่ 2 ชิ้น ให้ความลื่นไหลในการเล่น และเซ็นเซอร์ Pixart 3389 ที่ตอบสนองได้ไว ให้ความละเอียดได้สูงสุด 16,000 DPI

มาดูในส่วนของแสงไฟกันบ้าง จุดที่ไฟเรืองแสง RGB หลักๆ จะมี 2 จุดด้วยกันคือ ตรงที่วางมือและ Scroll mouse ไฟนี้เป็นแบบ RGB ปรับแต่งได้ มีโพรไฟล์พื้นฐานให้เลือก ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ NGenuity

Lighting : ปรับแสงไฟบนเมาส์ได้สะดวก มีโพรไฟล์ให้เลือกทั้ง Solid, Color Cycle, Breathing, Trigger หรือจะปิดไปเลยก็ได้

Performance: เลือกปรับค่า DPI หรือความไวในการตอบสนองได้ตามใจชอบ

ใครไม่เคยใช้หรือซื้อเมาส์ HyperX รุ่นนี้มาแล้ว อยากให้ลองกัน เพราะใช้งานง่ายจริงๆ ซอฟต์แวร์นี้ นอกจากจะช่วยให้ปรับแสงสีได้สวยงามสมใจแล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์ให้ปรับแต่งอีก 2 ส่วนคือ Performance เพื่อเลือกความละเอียดในการเล่นเกม และปรับสีให้บ่งบอกถึงความละเอียดที่ใช้อยู่ได้ รวมถึง Macro ที่ช่วยให้คุณกำหนดการทำงานของแต่ละปุ่มบนเมาส์ ให้ตรงกับเกมที่เล่น เช่น การเลือกยิง การทำสลับปืน เปลี่ยนท่าการโจมตีและอื่นๆ ซึ่งคุณเลือกกำหนดได้ถึง 6 ปุ่มด้วยกัน

ภาพรวม ความน่าสนใจ

การเล่นเกมร่วมกับเมาส์ HyperX PulseFire FPS Pro คงต้องยกให้ในเรื่องของการตอบสนองของเมาส์ในการเล่น เพราะนอกจากจะจับได้ถนัดมือลงตัวตรงส่วนโค้งที่ช่วยให้วางมือได้สบาย ช่วงระยะที่นิ้วกดลงไป ได้ทั้งแบบ Palm Grip และ Claw Grip ซึ่งหมายถึงจะถนัดแบบจิกนิ้วลงไป หรือวางนิ้วตามธรรมชาติที่ถนัดก็ได้ เพียงแต่จะมีตรงปุ่มมาโครด้านหัวแม่มือ ที่ออกแบบให้สะดวกสำหรับการจับแบบ Palm Grip หรือ Finger มากกว่า น้ำหนักค่อนข้างน้อย ตามสไตล์ของเมาส์ลักษณะนี้ สำหรับคนที่ไม่คุ้นชิน อาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย เช่นเดียวกับการตอบสนองของปุ่มที่ค่อนข้างไว จึงทำให้คนที่เคยใช้เมาส์ในลักษณะเดียวกันสามารถปรับตัวได้ไวกว่า ทั้งนี้ซอฟต์แวร์กลายเป็นจุดเด่นอีกสิ่งหนึ่ง นอกเหนือจากคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่นๆ เพราะคุณสามารถปรับแต่งเมาส์ได้สะดวกมากทีเดียว ทั้งเรื่องของแสงสี ค่า DPI ไปจนถึงการตั้งมาโคร ทุกสิ่งรวมอยู่ในโปรแกรมเดียวเท่านั้น คงต้องบอกว่าเรื่องของรูปลักษณ์อาจไม่ได้โดดเด่นไปกว่า Pulsefire อื่น ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่เรื่องฟีเจอร์รับรองว่า ถ้าคุณใช้แล้วจะรู้สึกง่ายและเป็นกันเองเลยทีเดียว

ความน่าใช้

• มาพร้อมแสงไฟ RGB ปรับแต่งได้
• ให้การตอบสนองได้ถึง 16,000 DPI
• จับถนัดมือ รูปทรงเข้ากับการจับได้ดี

จุดสังเกต

• โซนที่มีแสงไฟ มีเพียง 2 จุดเท่านั้น

ราคา: 1,890

ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม: HyperX PulseFire FPS Pro